Pageviews

Thursday, January 5, 2017

โกสต์ด่าง เบอร์ต่างๆ




วันนี้ไปเจอบทความนึงที่น่าสนใจเกี่ยวกับความด่างตามเบอร์ของโกสในชนิดต่างๆ ซึ่งถือได้ว่ากำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ต้องขอขอบคุณบทความดีดีจาก Chiang Mai Crafish มา ณที่นี้ด้วยครับ

เบอร์ 8
โกสต์ด่าง แก้มขาว ที่มาที่ไปในยุคแรกๆ คนจะนิยมโกสต์สีเต็ม ในแต่ละครอกจะมีพวกสีหลุด (ขาวทั้งตัว) และสีด่าง (มีพื้นที่สีขาวเยอะ) พวกด่างแก้มขาว เกิดในยุคที่มีความนิยมเคลียร์ และได้มีการผสมข้ามระหว่างโกสต์และเคลียร์ ได้โกสต์เคลียร์มาบรีดกับโกสต์หลายต่อหลายรุ่น จนได้โกสต์แก้มขาว แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นของธรรมดา เพราะมีโกสต์แก้มขาวในตลาดเป็นจำนวนมาก แอดจึงไม่ขอนับโกสต์แก้มขาว ว่าเป็นโกสต์ด่างนะจ๊ะ

เบอร์ 7

โกสต์ด่าง สีลามหรือสีถลอก คล้ายกลุ่มแก้มขาวแต่ส่วนสีขาวจะลามเข้าในพื้นที่สีมากกว่า มีจุดขาวขึ้นในพื้นที่ที่มีสีด้วย ในหลายกรณี ยิ่งลอกคราบ ส่วนที่ขาวยิ่งลามเข้ามา แบบนี้ยังพอกล้อมแกล้มเป็นพวกด่างได้ แต่ก็ยังไม่ถือว่าสวยที่สุด เพราะพื้นที่สีขาวยังน้อย

เบอร์ 6 

โกสต์ด่าง อินทรีย์ จะมีพื้นที่ส่วนคอไปจนถึงกรีเป็นสีขาว คล้ายลวดลายของนกอินทรีย์ ด่างอินทรีย์นี้ จะงามหากสีสันบนลำตัวชัดเจน แล้วหัวขาว

เบอร์ 5 

โกสต์ด่าง ตัวขาว คือสีตั้งแต่หัวถึงหาง จะเป็นสีขาว ส่วนก้ามจะมีสีสัน ด่างตัวขาวนี้ค่อนข้างจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่าด่าง เพราะหากก้ามขาวไปด้วยจะกลายเป็นพวกสีหลุดแทน

เบอร์ 4

โกสต์ด่าง หัวขาว โทนแบบนี้จะค่อนข้างหายาก คือ หัวจะขาวปลอด แต่ก้าม และหลัง จะมีสีเต็ม หากก้ามขาวด้วยก็จะมีความน่าสนใจอีกแบบ ด่างหัวขาวนี้ จะมีแพทเทิร์นที่ตรงข้ามคือ หัวและก้ามมีสีเต็ม แต่หางขาว ซึ่งแบบนั้นจะไม่จัดกลุ่มเป็นโกสต์ด่าง

เบอร์ 3 

โกสต์ด่าง วัว ต้องเป็นลักษณะนี้ถึงจะเรียกด่างวัว เพราะจะมีพื้นที่สีขาวเป็นพื้น แล้วมีลวดลายเหมือนวัวเป็นจุดๆ กระจายไปทั่ว ทั้งก้าม หัว และลำตัว แต่ละจุดสีไม่ติดเป็นแพจนเกิดสีเต็ม เบอร์ 3 นี้ จะเป็นด่างวัวสีเดียว ถ้าเป็นโกสต์ส้มด่างวัว ราคาในตลาดก็จะถูกกว่าโกสต์ด่างวัว

เบอร์ 2 

โกสต์ด่าง ซีด คือสีหัวและลำตัวยังเห็นสีจางๆ มันน่าลุ้นว่าลอกคราบแล้วสีจะกลับมาเต็ม หรือด่างไปกว่าเดิม สายลุ้นน่าจะชอบด่างซีดแบบนี้

เบอร์ 1 

โกสต์ด่าง วัว แต่จะมีหลายสี ซึ่งเป็นด่างที่หลายๆ คนหมายปอง หวังมีครอบครองในคอลเลคชั่น ราคาค่าตัวอาจทำให้หลายๆ คนฝันสลายได้
โกสต์ด่างอาจมีลักษณะแบบต่างๆ ตามที่ว่ามาผสมผสานกันในตัวเดียวได้ เช่น อาจจะมีด่างวัวปนกับด่างแบบอื่นๆ ในตัวเดียวกัน หรือมีลุ้นในการลอกคราบแต่ละครั้ง ว่าจะด่างมากขึ้น หรือสีกลับมา
บทความนี้ไม่ถึงกับจัดประเภทของความด่าง เพียงแค่พยายามจัดหมวดหมู่ให้เห็นระดับความด่าง เพื่อที่เวลาเห็นใครบอกว่าโกสต์ด่าง จะได้ลองสังเกตดูว่า พื้นที่สีขาวมันมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ด่าง ฮ่าๆ
แต่ด่างเบอร์ไหน จะสวยหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวคุณนั่นแหละคับที่เป็นคนตัดสินใจ

Friday, November 25, 2016

การอนุบาลลูกกุ้งก้ามแดง


     การอนุบาลลูกกุ้งก้ามแดงเวลาผ่านไป 30-45 วัน หลังจากที่ลูกกุ้งลงจากท้องแม่หมดแล้ว ลูกกุ้งก็จะมีขนาด 0.3-0.5 ซม. กุ้งก้ามแดงแรกเกิด หรือเรียกอีกอย่างว่า กุ้งลงเดินนั้นจะเป็นกุ้งที่อ่อนแอมาก หลังจากลงเดินแล้วเขาจะจับกันเป็นก้อนๆ เราควรที่จะหาที่ให้เขาเกาะ ไม่ให้เขาเกาะกันเองเพราะอาจจะทําให้กุ้งตัวที่เล็กกว่า โดนจับกินได้
    อาหารสําหรับลูกกุ้งลงเดินนี้ก็ควรเป็นอาหารผง อาจจะเสริมด้วยไข่แดงด้วยก็ได้ บ่อที่ใช้เลี้ยงก็ควรจะมีที่หลบอีกเช่นกัน เช่น ท่อ PVC หลอด สแลน ตาข่าย เป็นต้น และถ้าจะให้ดีควรใส่ พืชน้ําลงไปด้วยเพราะเป็นทั้งอาหารว่างให้ลูกกุ้งได้แทะเล่นยามว่าง แล้วก็ยังเป็นที่หลบภัยชั้นดีอีกด้วย




     สถานที่เลี้ยงกุ้งลงเดินนี้ สามารถเลี้ยงได้ทุกที่ แต่ควรเป็นที่ที่น้ําไม่ลึกมาก ปริมาณน้ําควรจะอยู่ที่ 10-30 ซม. ให้ลูกกุ้งสามารถปีนขึ้นมาที่ผิวน้ําได้เพื่อหายใจ
     การลอกคราบเป็นขั้นตอนที่สําคัญใน การเจริญเติบโตของกุ้งเครย์ฟีช เพราะแสดงถึงขนาดลําตัวที่โตมากขึ้น ซึ่งลูกกุ้งจะลอกคราบเดือนละครั้ง โดยมีระยะห่างในการลอกคราบแต่ละครั้งจะยาวนานขึ้นเมื่อกุ้งเจริญเติบโตขึ้น และเมื่อกุ้งเครย์ฟิชโตเต็มที่จะลอกคราบเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในการลอกคราบแต่ละครั้ง กุ้งเครย์ฟิชจะมีลําตัวนิ่มและอ่อนแอมาก จึงต้องหาที่ปลอดภัยสําหรับหลบซ่อนและค้อนข้างอยู่นิ่งๆ ประมาณ 2-3 วัน จนกว่าเปลือกจะแข็งเป็นปกติ
     อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่ากุ้งเครย์ฟิชกําลังลอกคราบ ไม่ควรรบกวน เพราะอาจทําลายความต่อเนื่องของกระบวนการลอกคราบได้ หากกุ้งเครย์ฟิชตกใจอาจทําให้การลอกคราบไม่สมบูรณ์เต็มที่ โดยชิ้นส่วนของเปลือกชุดเก่ายังติดอยู่บริเวณก้าม ในขณะที่เปลือกชุดใหม่เริ่มแข็งตัว อาจทําให้เกิดความผิดปกติได้ อาทิ มีเปลือกสองชั้นทับกัน หรือก้ามบิดเบี้ยวผิดรูปได้

ระยะเวลาในการเลี้ยง
- ไข่-ลงเดิน ระยะเวลาประมาณ 30-45 วัน (อาจจะเพิ่มไปอีก15 วันในกรณีที่แม่พันธุ์ที่ไม่แข็งแรง) 
- ลงเดิน-1 นิ้ว  ระยะเลาเลี้ยงประมาณ 30-45 วัน
- 1 นิ้ว-4,5 นิ้ว ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 4-6 เดือน ให้อาหาร1 มื้อตอนเย็น (เป็น Size พ่อแม่พันธุ์,และ Size กุ้งเนื้อที่ตลาดต้องการ)

หมายเหตุ ปัจจุบันมีการเป่าลมให้ไข่ที่แม่ไข่สลัดออกมา เราสามารถเก็บไข่นั้นมาเข้าเครื่องเป่าลมอนุบาลต่อ เพื่อให้ไข่เจริญเติบโตเป็นตัวได้

Friday, November 11, 2016

โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน

เรามาทำความรู้จักกันว่ากุ้งโกสที่เรามีนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างเราจะได้สามารถเรียกกันได้ถูกและเอาไปคุยกับเพื่อนได้ว่าที่บ้านเรามีโกสแบบไหนบ้าง

ข้อมูลภาพ
FB: Kru'Minnii Srisomboonsakul

1.โกสสีหลุด คือ โกสที่แทบจะไม่มีสีอะไรเลยมีแต่สีขาวจนบางคนคิดว่าเป็นกุ้งไวท์สโนว์
2.โกสสีดั้งเดิม คือ โกสที่มีสีเป็นสีออกโทนส้มๆที่หลังมีลายธงชาติแต่สีไม่ค่อยเข้ม เป็นแพทเทิ้ลสีที่นักผสมกุ้งผสมได้แรกๆ
3.โกสหัวหิมะ คือ โกสที่มีหัวเป็นฝ้าขาวๆขึ้นเป็นดวงๆ
4.โกสด่างวัว คือ โกสที่มีแพทเทิ้ลสีอะไรก็ได้ แต่มีลวดลายที่คล้ายกับวัว
5.โกสลายธงชาติ คือ โกสที่มีลำตัวสีออกน้ำเงินและมีหลังคล้ายๆธงชาติไทยและแถบน้ำเงินจะเข้มมาก
6.โกสหัวเหยี่ยวหรือหัวหงอก คือโกสที่มีบริเวณปลายหัวออกสีขาวมากกว่าสีของตัว
7.โกสแก้มขาว คือโกสที่มีสีปกติเพียงแต่สีข้างลำตัวและด้านข้างของหัวเป็นสีขาว
8.โกสสีเต็ม คือ โกสที่มีสีออกโทนน้ำตาลส้มจนดำ และลายที่ตัวนั้นแทบจะไม่มีสีขาวเลย

ทีนี้เราก็รู้ชื่อประเภทของโกสเราแล้วนะครับ ส่วนเรื่องราคานั้นมันไม่มีมาตรฐานให้เราคอยสืบราคาตามกลุ่มเฟสบุคซื้อขายประมูลเอาครับ(จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับความชอบและความพอใจของคนซื้อด้วยครับว่าราคาจะแพงขนาดไหน)

โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน
โกสแท้มีชื่อเรียกว่าอะไรบ้างมาดูกัน

Thursday, November 3, 2016

(วิเคาระห์ตลาดกุ้งก้ามแดง ตอนที่ 2) By`PR-CRAYFISH

                          (วิเคาระห์ตลาดกุ้งก้ามแดง ตอนที่ 2) By`PR-CRAYFISH


จากเมื่อวานที่เราได้ทำการเเบ่งสายเเละทำการอธิบายถึงส่วนต่างๆ ของตลาดในการเลี้ยง ณ ตอนนี้เเล้ว วันนี้จะมาขยายความถึงสายเเต่ละสายที่ได้เคยกล่าวไว้ ซึ่งหากวิเคาระห์ถึงจุดยอดของเราในตลาดได้เเล้ว เราจะสามารถทราบได้ว่า ด้วยต้นทุนของเราที่มีเราใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ในการคืนทุน หากถามว่าทำไมต้องละเอียดขนาดนี้ก็เพราะว่า หากเราเลี้ยงในเชิงพาณิชย์เเล้วเราต้องทราบถึงเเหล่งที่ไปที่มาของรายได้ เพื่อให้เราสามารถคาดการณ์เเละคำนวนค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง เเละเมื่อเราได้จุดในตลาดที่เราต้อการเเล้วอย่าลืมสร้าง "จุดยืนของแบรนด์" ดังนี้





Brand Positioning จุดยืนของแบรนด์

นักการตลาดมืออาชีพทราบดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างและสื่อสารแบรนด์คือ “จุดยืนของแบรนด์ “ (Brand Positioning) หรือที่บางท่านแปลว่า “ตำแหน่งสินค้า” อันเป็นหัวใจสำคัญของการวางกลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์

จุดยืนของแบรนด์คืออะไร? คือลักษณะเฉพาะตัวของแบรนด์ ที่ต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ เป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายจำได้ ทั้งนี้โดยสอดคล้องกับคุณค่าหรือคุณประโยชน์ที่กลุ่มลูกค้าต้องการ จุดยืนของแบรนด์ที่ชัดเจนและแตกต่าง ย่อมเป็นเกราะที่ดีให้กับแบรนด์ในการเสริมสร้างรวมทั้งรักษาฐานลูกค้า ซึ่งถ้าสามารถรักษาและเสริมสร้างความเป็นเลิศในจุดยืนที่แตกต่างนั้นได้นานเท่าใด ก็จะยิ่งสามารถรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและจูงใจกลุ่มลูกค้าใหม่ได้มากและนานเท่านั้น

การกำหนดจุดยืนของแบรนด์นั้น ในขั้นต้นต้องตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อให้ได้ก่อนคือ
(1) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร (พร้อมทั้งมีทัศนคติ ความสนใจ ความชอบ และให้คุณค่ากับสิ่งใด)
(2) แบรนด์นี้ให้คุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมายข้างต้นอย่างไร
(3) แบรนด์นี้มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นตรงไหน หรือทำไมกลุ่มเป้าหมายต้องเลือกแบรนด์นี้ แทนที่จะเป็นแบรนด์อื่นที่อาจะให้ประโยชน์ใกล้เคียงกัน




ทั้งนี้ การพิจารณาจุดยืนของแบรนด์ ส่วนประกอบที่สำคัญคือกรอบแนวคิด (Frame of reference) ซึ่งมาจากความเข้าใจความต้องการหรือเป้าหมายของผู้บริโภค (Consumer insights) ที่แท้จริง ซึ่งอาจจะเป็นความต้องการเฉพาะของคนกลุ่มเล็กหรือของคนกลุ่มใหญ่ก็ได้ โดยพิจารณาเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆในตลาดที่เป็นทางเลือก กรอบแนวคิดนี้จะกำหนดขนาดธุรกิจของแบรนด์ ตัวอย่างแบรนด์ที่วางตำแหน่งเฉพาะของคนกลุ่มหนึ่งชัดเจน มีขนาดธุรกิจไม่ใหญ่นักแต่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำธุรกิจได้ดี คือแบรนด์ฮาเลย์เดวิดสัน (Harley Davidson) ซึ่งแนวความคิดมาจากการรับรู้ในทัศนคติและรสนิยมของคนกลุ่มหนึ่งอย่างถ่องแท้
จุดแตกต่างของแบรนด์จะช่วยให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายทราบว่าทำไมจึงควรเลือกแบรนด์นั้นๆ โดยเหตุผลที่ทำให้เลือกอาจตรงใจคนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ตรงใจคนอีกกลุ่มก็ได้ และจุดแตกต่างนี้สามารถเป็นคุณค่าหรือประโยชน์ทางด้านกายภาพ (Functional benefits) หรือคุณค่าทางด้านอารมณ์ความรู้สึก (Emotional benefits) ก็ได้ แต่ว่าต้องมาพร้อมกับเหตุผลสนับสนุนจุดแตกต่างนั้น (Reasons to believe)
แต่ว่าที่สำคัญคือตัวผลิตภัณฑ์และบริการภายใต้แบรนด์ ต้องเป็นไปตามสิ่งที่แบรนด์นำเสนอ การที่ผู้บริโภคเห็นคล้อยตามจุดยืนของแบรนด์ (ตามที่ได้สื่อสารไป) เมื่อมีประสบการณ์ที่ดีจากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ จะทำให้มีทัศนคติและความผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น จนพัฒนาต่อเป็นลูกค้า ลูกค้าประจำ (Loyal customers) หรือเป็นคนที่ช่วยให้ข้อมูลที่ดีต่อลูกค้าอื่นๆ (Referrer)
เพราะฉะนั้น กระบวนการสื่อสารถึงกลุ่มผู้บริโภคตามจุดยืนของแบรนด์ จึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อให้รับรู้และคล้อยตามข้อเสนอ จุดยืนและเหตุผลของแบรนด์ ตลอดจนประโยชน์ด้านกายภาพและอารมณ์ เพื่อให้แบรนด์ได้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคนั่นเอง

Image result for ตลาดกุ้งก้ามแดง

Tuesday, November 1, 2016

วิเคาระห์ตลาดกุ้งก้ามแดง(ตอนที่ 1/3)

(วิเคาระห์ตลาดกุ้งก้ามแดง ตอนที่ 1) By`PR-CRAYFISH


      นอกจากการเลี้ยงกุ้งเพื่อสวยงามเเล้วรู้หรือไม่ว่า การใช้เนื้อกุ้งก้ามแดงในการประกอบอาหาร ในเรื่องรสชาติและคุณภาพเนื้อ ที่ใกล้เคียงกับกุ้งล็อบเตอร์ทะเล และมีราคาที่ต่ำกว่าแล้ว ก็คือเรื่องของความสด เนื่องจากเป็นกุ้งที่ผลิตได้ในประเทศ ระยะทางขนส่งใกล้ ทำให้ได้เนื้อกุ้งที่มีคุณภาพและความสดสูง ได้กุ้งเป็นๆ ซึ่งแน่นอนว่า อาหารประเภทเนื้อกุ้ง ยิ่งสดก็ยิ่งมีรสอร่อย ดังนั้นเมื่อนำไปทำเมนูอาหารออกมาก็จะเป็นที่ถูกใจของลูกค้าที่มารับประทานอาหาร (และยังจ่ายน้อยกว่า ทำให้ได้ฐานกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างกว่าเดิมมาก)
หากถามว่าเนื้อกุ้งชนิดนี้มีคุณภาพและอร่อยจริงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า เป็นเนื้อที่วางใจได้ เนื่องจาก เมื่อครั้งที่มีการนำเข้ามาทดลองเลี้ยงในประเทศไทยใหม่ๆ โดยมูลนิธิโครงการหลวง (ทำให้ กุ้งก้ามแดง ถูกเรียกอีกชื่อว่า “กุ้งโครงการหลวง” ด้วย) ผลผลิตของกุ้งชุดแรก ได้ถูกนำไปใช้ในการปรุงเป็นอาหารในงานพระราชทานเลี้ยงพระราชอาคันตุกะ ในวโรกาสงาน ฉลองสิริราชสมบัติ  60  ปี  ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อ 13  มิถุนายน  2549 ซึ่งเรื่องนี้สามารถเน้นย้ำในเรื่องคุณภาพและรสชาติของเนื้อกุ้งก้ามแดงได้เป็นอย่างดีว่าไม่ได้ด้อยกว่ากุ้งล๊อบสเตอร์ทะเลแต่อย่างใดเลย จึงสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในงานระดับชาติได้

     ในหลายๆบทความผมได้กล่าวถึงวิธีการเลี้ยงเครฟิชมากมายเเละได้นำบทความจากที่อื่นๆมาประกอบเพื่อความหลากหลายในการหาข้อมูลของผู้เลี้ยง มาวันนี้ผมจะมาวิเคาระห์ถึงตลาดของกุ้งก้ามแดงจากที่หาข้อมูลมาตลอด 2 ปี ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมา ณ ตอนนี้ตามกลุ่มเพาะเลี้ยงต่างๆ ไม่ได้มีการพูดหรือวิเคาระห์ถึงตลาดในอนาคตเลย หากข้อมูลไม่ครอบคลุมผิดพลาดประการใดต้องขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ วัตถุประสงค์ทางการตลาดของท่านผู้อ่านที่ที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ตอนนี้คืออะไร? เลี้ยงเพื่ออะไร? วันนี้ผมจะเเบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ

1. กลุ่มเลี้ยงเพาะพันธุ์ก้ามแดงเพื่อความสวยงาม ซื้อเเละเพาะเลี้ยงกุ้งสวยงามเพื่อขายทำกำไร
2. กลุ่มซื้อมาขายไปทำกำไรจากส่วนต่าง รับจำนวนกุ้งก้ามแดงมาล๊อตใหญ่เลี้ยงให้โตเเล้วทำกำไรจากขาย
3. กลุ่มเลี้ยงเพาะพันธุ์ก้ามแดงเพื่อจำหน่ายจำนวนครั้งละมากๆ ขายส่งเป็นล๊อตใหญ่ตามร้านอาหาร ร้านค้า โรงเเรมเเละสถานีที่รับซื้อ
4. กลุ่มรับกุ้งจากนอกประเทศนำเข้ามาขายทำกำไรหรือ นำเข้ากุ้งตัวเเพงๆ ลักษณะดีดีมาปล่อยขาย


Image result for กุ้งก้ามแดงม้าลาย


กลุ่มเลี้ยงเพาะพันธุ์ก้ามแดงเพื่อความสวยงาม
- หากวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณคือการเพาะพันธุ์ก้ามแดงเพื่อความสวยงาม อย่างเเรกคือทุนต้องหนาเเละควรมีการอัพเดตเทรนของกุ้งอยู่ตลอดเวลา คิดง่ายๆ ว่ามันคิดเสื้อผ้าเเฟชั่น สีไหนมาเเรงสีไหนดีตลาดชอบคนขายเยอะก็สามารถทำกำไรจากส่วนนี้ได้ไม่ยาก ผู้ประกอบกิจการในรูปแบบนี้สามารถทำกำไรได้เรื่อยๆ เเละกำไรดีพอพอกับการขายส่ง เนื่องจากเป็น Business Trend เเต่ต้องอัพเดตข้อมูลของกุ้งอยู่ตลอดเวลา เเละที่สำคัญผู้ที่เลี้ยงกุ้งประเภทนี้ต้องใส่ใจดูเเลกุ้งอย่างสุดๆ เพราะหากกุ้งตายเพียงไม่กี่ตัวเท่ากับว่าเงินหายไปหลักหมื่นเเน่นอน


Image result for กุ้งก้ามขายส่ง



กลุ่มซื้อมาขายไปทำกำไรจากส่วนต่าง
หากวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณคือกลุ่มซื้อมาขายไปทำกำไรจากส่วนต่าง เสมือนการจับเสือมือเปล่าเพราะนอกจากจะเเทบไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนเเล้วยังสามารถทำกำไรได้ไม่เเพ้กลุ่มอื่นเเต่ต้องอาศัยความอดทนในการเลี้ยงเพื่ออัพไซด์หรือซื้อขายเเละมีความเสี่ยงที่จะโดนโกงถ้าไม่ตรวจสอบเครดิตของคนที่ขายให้ดีเสียก่อน





กลุ่มเลี้ยงเพาะพันธุ์ก้ามแดงเพื่อจำหน่าย
- หากวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณคือกลุ่มเลี้ยงเพาะพันธุ์ก้ามแดงเพื่อจำหน่ายนั้นหมายความว่าคุณมีฟาร์มมีสถานที่เพาะเลี้ยง อย่างน้อย 1 บ่อ โดยส่วนมากผู้ที่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาดแบบนี้จะเป็นผู้เพาะเลี้ยงแบบผสมผสานคืออาจเลี้ยงในบ่อใหญ่หรือเลี้ยงในนาข้าว กลุ่มผู้เลี้ยงประเภทนี้มีความชำนาญในการเลี้ยงพอสมควรเนื่องจากต้องดูเเลกุ้งจำนวนครั้งละมากๆ จึงไม่สามารถดูเเลคนเดียวได้กลุ่มผู้เลี้นงประเภทนี้จึงเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจเเนวครอบครัวเลี้ยงเเล้วหาสถานีที่ส่งออกตามโรงเเรม ร้านอาหาร ภัตราคาร



Image result for กุ้งก้ามแดงม้าลาย



กลุ่มรับกุ้งจากนอกประเทศนำเข้ามาขายทำกำไร
- หากวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณคือกลุ่มรับกุ้งจากนอกประเทศนำเข้ามาขายทำกำไร เปรียบได้ว่าคุณคือนายหน้าในการซื้อขายกุ้งรับกุ้งมากจากแหล่งในฮ่องกง หรือเเหล่งเพาะพันธุ์จากต่างประเทศเเล้วนำมาขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำคงไท่ต้องพูดถึงว่าสกิลการเจราต้องดีเเละที่สำคัญต้องมี Connection เเน่นอน




Monday, October 31, 2016

12 ข้อหลักที่ทำกุ้งตายพร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น

12 ข้อหลักที่ทำกุ้งตายพร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น

1.ตายธรรมาชาติ(เเก่ตาย)
   - กุ้งส่วนใหญ่มีอายุไข 4-6 ปี
2.ตายเพราะค่า PH ของน้ำไม่ได้หรือน๊อคน้ำตาย
   - ค่า PH ที่เหมาะสมคือ 7.5-7.8
3.ลอกคราบไม่ผ่าน สะสมอาหารไม่เพียงพอ
   - ขุนอาหารให้กุ้งด้วยวิตามีนเเละโปรตีนอย่างพอเหมาะ
4.กินมากเกินไป ใส่อาหารเกินความพอดี
   - ให้อาหารเเต่พอดีครั้งนึง 12-3 เม็ด วันละครั้งหรือ 2 ครั้ง ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในน้ำเพราะจะทำให้น้ำเน่าเเละต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
5.เป็นโรคซึ่งเกิดที่เกิดจากแบคทีเรียที่ไม่ดี
   - ด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ รอบตัวกุ้ง ถ้าไม่ดีอาจทำให้กุ้งเป็นโรคจากแบคทีเรีย ควรใส่เกลือเล็กน้อยหลังเปลี่ยนน้ำ
6.ปีนหนีออกมาตาย(กุ้งจะเดินไปทางที่มีแสง)
   - หากเลี้ยงกุ้งตัวเมียเเละตัวผู้รวมกัน ควรหาที่ปิดให้มิดเเต่ต้องมีอากาศถ่ายเทที่สะดวกกันกุุ้งหนีออกมาเดิน
7.โดนกินตาย(หลังลอกคราบ)
   - หลังลอกคราบกุ้งจะอ่อนเเอเเละตัวนิ่ม ซึ่งหากเลี้ยงร่วม เสี่ยงที่จะโดนกินมากการป้องกันคือการสัเกตุกุ้งที่เพิ่งลอกคราบเเล้วจับเเยกออกมา
8.โดนสารเคมีจาก...
   8.1 ยาฆ่าแมลง
   8.2 มือเราที่ไปจับครีมทาหน้า หรือสารเคมีต่าง
   8.3 เส้นผมที่ตกลงไป
   - ก่อนที่เราจะนำมือจุ่มน้ำที่เลี้ยงกุ้ง เราได้จำสิ่งสกปรกหรือสารเคมีมารึเปล่า ? ก่อนน้ำมือจุ่มน้ำเเละหลังเอามือจุ่มน้ำควรล้างมือก่อนเพื่อสุขลักษณะที่ดีของเราเเละกุ้ง
9.ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอ
   - เลี้ยงรวมกันบ่อใหญ่ออกซิเจนนิดเดียวทำให้กุ้งขาดออกซิจนตายได้
10.ใส่ใจมันมากไป(ดูมันตลอดเวลามันตกใจเกิดภาวะเครียด)
   - ความใส่ใจเป็นเรื่องที่ดีเเต่มากไปก็จะทำให้กุ้งตกใจเครียด ดีดตัวบ่อยอาจทำให้กุ้งกินอาหารน้อยลง ไม่ลอกคราบเเละตายในที่สุด เเละสิ่งสำคัยไม่ควรจับมันขึ้นมาบ่อยๆ




เครฟิชโกสเเละเครฟิชเคลียร์ แตกต่างกันอย่างไร ?

Procambarus clarkii ghost ได้เข้ามาในบ้านเราได้พักนึกแล้ว  ช่วงในปีต้นปีที่แล้ว (2558) โกสต์ไซต์ลงเดินมาราคาหลักร้อย
แต่ช่วงปลายปีมานี้ราคาผันผวนพอสมควรเนื่องจากมีนักเล่นกุ้งมือหใม่ + กับการปั่นกระเเสเเละปั่นราคาทำให่ราคาโกสต์ไซต์ลงเดินมีราคา ตั้งแต่ 800-2000 บาท  ซึ่งก็ถือได้ว่าราคาพุ่งสุดๆ จากเเต่เดิมราคาช่วงต้นปีอยู่ที่ 500-700 บาท  หรือบางคู่ที่ประมูลกัน  สีสันและลวดลายสวยๆ  ราคาที่เคยจบประมูลอยู่ที่เกินหมื่นเเน่นอน หรือประกาศซื้อกันทั่วไปตามท้องตลาดสีโดนๆ  ราคาก็อยู่ที่ราวๆ คู่ละ 9,000- 12,000 หากช่วงต้นปีใครที่มีสายนี้อยู่ครอบครองเกิน 10 คู่ นั้นหมายความว่าครึ่งปีหลังนี้คุณเป็นเศรษฐีย่อมๆเเล้วนะครับ
     
       เเต่ช่วงนี้ที่สังเกตุเห็นคือบางรายที่นำกุ้งเครย์ฟิชสายพันธุ์อื่น มาขายแล้วอ้างว่าเป็น โกสต์  พอโตมากับไม่มีลักษณะเค้าโครงเป็นโกสต์เลย บทความนี้จะได้เป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษาของเพื่อนๆที่เพิ่งเข้ามาเล่นหรือเข้ามาเเล้วกำลังศึกษาอยู่ เพื่อจะได้ไม่หลงกลความเจ้าเล่ห์ของพ่อค้าเเม่ค้าที่คอยเอารัดเอาเปรียบเราในทุกขณะ

เริ่มเลย!



ลักษณะของโกสต์
      โกสต์ก็มีหลายแพทเทิร์น ไม่ว่าจะเป็น  แพทเทิร์นดั่งเดิม  , สายด่าง  , สายม่วง (ไม่ว่าจะมีแพทเทิร์นแบบไหน แต่ก็ต้องยังคงลักษณะของโกสต์)  ลูกของโกสต์ ลำตัวเเล้วข้อต่อก้ามจะออกสีเหลืองๆ 
จุดสังเกตุ: โกสต์จะมีหนวดสีขาว  ขาสีอ่อน  ไม่ว่าลำตัวสีอะไร แต่หนวดก็จะยังคงมีสีขาวเสมอ


 

ลักษณะของเคลียร์
เคลียร์ก็มาแรงคู่กับโกสต์ เช่นกัน  ส่วนเคลียร์นั้น มีตามท้องตลาดได้น้อยกว่าโกสต์  อาจเป็นเพราะ  ให้ผลผลิตได้ยากกว่าโกสต์
ลูกของเคลียร์นั้น จะต่างจากลูกโกสต์คือ จะออกสีฟ้าตั้งแต่เด็ก
จุดสังเกตุ: แก้ม , ลำตัว , หาง จะมีสีอ่อน  ส่วนขาและหนวด จะมีสีเหมือนกับลำตัว  

      ทั้งนี้โกสต์ และ เคลียร์ก็สามารถผสมพันธุ์ กันได้ เนื่องจากเป็น  Procambarus clarkii เหมือนกัน  ส่วนลูกที่ได้นั้น ก็จะมีทั้ง  โกสต์+เคลียร์  = เวอร์ชั่นโกสต์   และ  โกสต์+เคลียร์  = เวอร์ชั่นเคลียร์       ตามแต่ลักษณะของสีที่ได้ออกมาในรุ่นนั้นๆ
ปล. ในบางตัวที่เป็น  เวอร์ชั่นโกสต์   หรือ เวอร์ชั่นเคลียร์  ในบางตัวลักษณะก็จะเหมือนโกสต์  หรือเคลียร์แท้ได้เช่นกัน  ฉะนั้นในบางครั้งก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ตัวไหนแท้ ตัวไหนไม่แท้  สิ่งที่บอกได้คือ
1.ลูกคลอกนั้นที่ได้มาจะต้องมีลักษณะของ โกสต์ หรือ เคลียร์ เกือบทั้งหมด ไม่ควรหลุดจนมากเกินไป
2.ผู้เลี้ยงหรือคนเพาะเอง ย้อมทราบดีว่าพ่อแม่ที่ใช้เพาะนั้นเป็นแท้หรือผสม

เครดิต: 
Super User